“บลูทรี ภูเก็ต” ผลักดันแนวคิด “ESG” สู่การเป็น ‘Entertainment Hub’ อย่างยั่งยืน

Last updated: 1 มิ.ย. 2566  |  204 จำนวนผู้เข้าชม  | 

“บลูทรี ภูเก็ต” ผลักดันแนวคิด “ESG” สู่การเป็น ‘Entertainment Hub’ อย่างยั่งยืน

ต้อนรับวันสิ่งแวดล้อมโลก (5 มิ.ย. ของทุกปี) บลูทรี ภูเก็ต ศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร พร้อมเป็นอีกหนึ่งองค์กรในการผลักดันแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาองค์กรได้อย่างยั่งยืน ภายใต้การพัฒนา 3 แกนหลัก ประกอบด้วยด้าน Energy – การประหยัดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานน้ำมัน, Water – เทคโนโลยีการจัดการน้ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และปลอดภัยจากสารเคมี และ Waste – การคัดแยก การแปรรูปขยะ ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง รวมถึงการกระจายความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมลพิษและการจัดการขยะพลาสติก

ปัจจุบันเราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในโลกที่เข้าขั้นวิกฤตรอบด้าน ทั้งภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็น 8 ปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเท่าที่มีการบันทึก* ส่งผลให้การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและอุณหภูมิมหาสมุทรแตะระดับสูงสุด เช่นเดียวกับระดับผลกระทบต่อผืนดิน แผ่นน้ำและชั้นบรรยากาศโลกที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจก ทั้งภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ (Climate Emergency), ทรัพยากรเสี่ยงขาดแคลน (Loss of Nature) รวมถึงสังคมเกิดความเหลื่อมล้ำ (Social Inequality) ดังนั้นแนวคิด ESG เป็นนโยบายที่ทุกบริษัทให้ความสำคัญ และนำมาปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจเพื่อการเติบโตในระยะยาว

 

บลูทรี ภูเก็ต เป็นศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร ภายใต้สโลแกน “Entertainment Hub, Thrill & Chill, Day & Night” ที่มีพื้นที่ประมาณ 140 ไร่ (226,624 ตร.ม.)  ได้แก่ โซนที่เป็นไฮไลท์โดดเด่นอย่างบลูทรี ลากูน ที่มีขนาดใหญ่กว่า 17,000 ตร.ม. และโซนที่เป็นพื้นที่สีเขียวประมาณ 180,000 ตร.ม. โดยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนโดยนำแนวคิดเกี่ยวกับ ESG ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ด้าน Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม)และ Governance (ธรรมาภิบาล)  เข้ามาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืนอย่างถาวร

 

นายโยฮัน วาเลียน ผู้จัดการทั่วไป บลูทรี ภูเก็ต กล่าวว่า “บลูทรี เราตระหนักในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับแรก ตั้งแต่การวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องการใช้พลังงานทดแทน, การใช้เทคโนโลยีจัดการน้ำ, การแยกขยะและลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง การจัดสรรทรัพยากรภายใน รวมถึงการให้ความรู้สู่พนักงานและชุมชนรอบข้างให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน โดยนำหลักแนวคิด ESG มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับองค์กร เพื่อตอกย้ำการเป็นแลนด์มาร์กด้านความบันเทิงแห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้ 3 แกนหลักๆ ในการพัฒนาความยั่งยืน ได้แก่ Energy – การประหยัดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานน้ำมัน, Water – เทคโนโลยีการจัดการน้ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และปลอดภัยจากสารเคมี” และ Waste – การคัดแยก การแปรรูปขยะ ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง รวมถึงการกระจายความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมลพิษและการจัดการขยะพลาสติก

 

Energy – การประหยัดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานน้ำมัน

มีการรณรงค์ภายในองค์กรเพื่อการประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 185 กิโลวัตต์ บนหลังคาตึกในโซน Lifestyle Village โดยคิดเป็น 8.5% ของการใช้พลังงานทั้งหมด และมีแผนจะติดตั้งเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ยัง มีการใช้รถตุ๊กๆ ไฟฟ้า (EV) สำหรับรับ-ส่งลูกค้า และใช้รถบัคกี้ไฟฟ้าสำหรับหน่วยงานภายใน เพื่อลดมลภาวะทางควันและลดการใช้พลังงานน้ำมัน และมีแผนติดตั้งจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่ลานจอดรถของ Lifestyle Village ภายในปี 2566 นี้

 

Water – เทคโนโลยีการจัดการน้ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และปลอดภัยจากสารเคมี

อีกหนึ่งจุดเด่นของบลูทรี ภูเก็ต คือโซน บลูทรี ลากูน ที่มีขนาดขนาดใหญ่กว่า 17,000 ตร.ม. จึงมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาใช้ อาทิ หุ่นยนต์ช่วยทำความสะอาดใต้น้ำ ซี่งเป็นไปตามหลักความยั่งยืน เพราะเป็นการลดทรัพยากรคนและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งมีระบบบำบัดน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้ใช้สารเคมีน้อยกว่าสระแบบปกติถึง 100 เท่า  ตลอดจนระบบกรองที่ประหยัดพลังงานกว่า 98% เมื่อเทียบกับระบบปกติ (Crystal Lagoon Technology) ทั้งนี้ในส่วนของการเลือกใช้อุปกรณ์แบบประหยัดน้ำ บลูทรี ยังมีการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์สำหรับฝักบัวและอ่างล้างมือในบริเวณที่ให้บริการ รวมไปถึงการขุดสระเพื่อกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้สำหรับรดน้ำต้นไม้ในบริเวณพื้นที่สีเขียวทั้งหมดอีกด้วย

 

Waste – การคัดแยก การแปรรูปขยะ ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง


บลูทรี ภูเก็ต มีนโยบายที่จริงจังเกี่ยวกับการแยกขยะ โดยจัดให้มีการแยกขยะในพื้นที่สาธารณะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ขยะรีไซเคิล และ ขยะทั่วไป ซึ่งขยะรีไซเคิลที่เก็บได้จะนำไปขายและนำรายได้คืนกลับให้พนักงานในทุกๆ ปี รวมทั้งยังมีการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหารแบบที่ย่อยสลายได้ อาทิ กล่องอาหารและหลอดจากชานอ้อย ช้อนส้อมไม้ ทั้งนี้ พื้นที่ห้องอาหารภายในบลูทรี ยังรณรงค์ให้งดใช้ขวดน้ำพลาสติก และในส่วนของเศษอาหารก็จะส่งต่อให้ฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหารต่อไป ซึ่งในอนาคตมีแผนจะแบ่งเศษอาหารไว้สำหรับทำปุ๋ยเองด้วย รวมทั้งสนับสนุนการสร้างเรือพลาสติกร่วมกับองค์กร Oceans For All เพื่อเก็บขยะในท้องทะเลรอบๆ พื้นที่เกาะภูเก็ตด้วย

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Precious Plastic ซึ่งเป็นการนำพลาสติกเหลือใช้มาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีค่ามากขึ้น เช่น การรีไซเคิลฝาขวดน้ำเป็นที่รองแก้ว  พวงกุญแจ ตะขอแขวนรูปแบบต่างๆ  การตัดเย็บกระเป๋ารูปทรงต่างๆ จากผืนไวนิลที่ใช้แล้ว โดยทางโครงการฯ มีเป้าหมาย ในการกระจายความรู้สู่ชุมชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ เกี่ยวกับมลพิษจากพลาสติก  ผลกระทบของขยะที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนจากภายในสู่ภายนอกองค์กร ทั้งนี้ บลูทรี ภูเก็ต ได้จัดฝึกอบรมให้ความรู้และจัดกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนให้กับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ โดยพนักงานจะได้รับถุงผ้าและกระบอกน้ำใช้ซ้ำ เพื่อนำมาเติมน้ำดื่ม แทนการพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมทำความสะอาดขยะต่างๆ ที่ร่วมกับชุมชนทั้งภายในและภายนอกพื้นที่อีกด้วย

 

“จากการใส่ใจและให้ความสำคัญในเรื่องของการแยกขยะ ทำให้บลูทรี ภูเก็ต ได้รับการประเมินจาก โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) ด้าน “การคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล” ว่าสามารถลดได้ 38.315 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า พร้อมเข้าร่วมโครงการ “Establish Thailand to be sustainable tourism destination ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อวางแผนลด Carbon Footprint ในอนาคต ต่อไป”

 

นายโยฮัน กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้ บลูทรี ยังให้ความสำคัญกับองค์ประกอบด้านการใช้วัสดุธรรมชาติ โดยมีการใช้ไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบหลักในการตกแต่งพื้นที่เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาคารต่างๆ เก้าอี้ชายหาด หรือจุดพักผ่อนต่างๆ ก็ล้วนมีไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบอีกทั้งการออกแบบยังเน้นการเปิดโล่งเพื่อเพิ่มช่องลมให้อากาศถ่ายเทได้ดีทำให้สามารถประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ดีอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้ชาวบ้านมีรายได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากบริเวณภูเก็ต-พังงา-กระบี่มีการปลูกไม้ไผ่ รวมไปถึงอีกหนึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์อย่าง “Wansao Picnic In The Park” ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสในการเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านเข้ามาเปิดร้านขายของ พร้อมเปิดโลก และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ความสามารถกันในงานนี้ได้ ตอกย้ำแนวคิด ESG ในด้านการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนเอย่างยั่งยืน”

จะเห็นได้ว่าตอนนี้บลูทรี ภูเก็ต พร้อมที่จะมุ่งสู่การผลักดันแนวคิด ESG และเป็นอีกหนึ่งก้าวเล็กๆ ในการขับเคลื่อนองค์กร ชุมชม สู่ความยั่งยินระดับประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้