"พาณิชย์" ระดมกูรูตลาดจีนเต็มเวทีเสวนาติดอาวุธผู้ส่งออกไทย เน้นการใช้ประโยชน์เอฟทีเออาเซียน-จีน

Last updated: 1 ต.ค. 2563  |  593 จำนวนผู้เข้าชม  | 

"พาณิชย์" ระดมกูรูตลาดจีนเต็มเวทีเสวนาติดอาวุธผู้ส่งออกไทย เน้นการใช้ประโยชน์เอฟทีเออาเซียน-จีน

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดเสวนาติวเข้มผู้ประกอบการไทยบุกตลาดจีน เน้นการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเออาเซียน-จีน ขนกูรูตลาดจีนมาแนะนำการค้าขายกับจีนหลังโควิด-19กลยุทธ์การบุกตลาดออนไลน์ ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจเพียบ


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการสัมมนา "1 ทศวรรษ เอฟที่เออาเซียน - จีน ... ก้าวต่อไปของเอกชนไทยในแดนมังกร" ซึ่งกรมเจรจการค้าระหว่างประเทศร่วมกับกรมส่งเสริมการค้า
ระหว่างประเทศ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ว่าได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจส่งออกที่มีศักยภาพของไทยในหลากหลายสาขากว่า 200 ราย อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอและแฟชั่น อัญมณีและ
เครื่องประดับ สุขภาพและความงาม ของใช้ในบ้านของขวัญ ชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่จะเดินทางไปร่วมงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China-International Import Expo:
CIE) ครั้งที่ 3 ณ นครเซี่ยงไฮ้ และงานแสดงสินค้าจีน -อาเซียน (China-ASEAN EXpO: CAEXPO) ครั้งที่ 17 ณ นครหนานหนิง ในเดือนพฤศจิกายนนี้
นางอรมน กล่าวเพิ่มติมว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยทราบถึงโอกาสในการขยาย


การค้ากับจีน จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเชียน-จีน ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี 2548 นอกจากนี้ กรมฯ ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐ นักวิชการ และภาคเอกชน ที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในการเจาะตลาตจีนมาร่วม
เสวนาในหลายประเด็น อาทิ ภาพรวมศษฐกิจจีนและความปลี่ยนแปลงภายหลังโควิด-19 การเปิดตลาดและการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี อาเซียน -จีน กลยุทธ์การบุกตลาดออนไลน์ในจีน และกิจกรรมการส่งเสริมการส่งออกไปจีน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในจีน


"ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีฉบับดังกล่าว จีนได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าให้ไทยแล้วกว่า 95% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น ผัก ผลไม้ เม็ดพลาสติก สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม สตาร์ชมันสำปะหลัง เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และน้ำยางธรรมชาติและสังเคราะห์เป็นต้น ส่วนไทยได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าให้กับสินค้าจากจีนแล้ว89% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น ผัก ผลไม้ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกล และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ส่งผลให้การค้าสองฝ่ายเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน นับตั้แต่ก่อนมี FTA ในปี 2547 จนถึงปี 2562 ขยายตัวถึง 420% ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่ได้ประโยชน์จาก FTA ฉบับนี้ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง ทุเรียน ฝรั่ง มะม่วง มังคุด รถยนต์เอสยูวีและสตาร์ชมันสำปะหลัง" 


ทั้งนี้ ในปี 2562 การค้าระหว่างไทยกับจีน มีมูลค่า 79,440 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 16.46% ของการค้าไทยกับโลก ซึ่งจีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยไทยส่งออกไปจีนมูลค่า 29,169.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ
อาทิ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์และส่วนประกอบขณะที่ไทยนำเข้าจากจีน 50,270.6 ล้านเหรียญสหรัฐ

สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ครื่องใช้ไฟฟ้ในบ้าน เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก และเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-สค.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 51,723.89 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 0.26% โดยไทยส่งออกไปจีน 19,625.27 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากจีน32,098.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ในปี 2562 การค้าระหว่างอาเซียน - จีน มีมูลค่า 641,470 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น9.19 จากปี 2561 โดยจีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอาเชียนเป็นเวลา 10 ปีติดต่อกัน ขณะที่อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีนเป็นครั้งแรกในปี 2563

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้